แม้บวชมา ก็ใช่จะเข้าใจกันได้ หากใจยังชุ่มไปด้วยตัณหา ดุจท่อนไม้ที่เต็มไปด้วยความสดแห่งยางที่โชกชุ่ม
การจะเข้าใจธรรม หากขาดสัตบุรุษผู้ชี้นำ เจ้าของก็ย่อมเดินนำตามความ
แม้มีลายแทง เป็นหนทางเครื่องมือชี้นำ แต่เหตุปัจจัยมันไม่พร้อม ขาดกำลังและความชำนาญ มันก็ย่อมออกจากห้วงภวังค์แ
มนุษย์เรา ย่อมไม่เข้าใจ ว่าทำไม ท่านกล่าวว่า.. ไม่มีตัวตน
คำกล่าวที่ว่า.. ไม่มีตัวตนนี้ คือตัวอนัตตา ที่มนุษย์ทั้งหลายไม่รู้ได้
ไม่ว่าเราจะปฏิบัติแค่ไหน ถอดถอนยังไง มันก็ยังเป็นตัวเราอยู่นั่น
มันไม่ได้เป็นความจริงแห่งค
ทำไมท่านทั้ง 5 จึงสำเร็จได้ และอะไร คือความสำเร็จ ที่ชนรุ่นหลังบอกว่า คือความสำเร็จ แต่เรื่องนี้ หากอธิบาย สงสัยว่ามันคงจะยาวอีกหนอ..
เราจะประมวลภาพรวมให้เห็นก่
..พระอัสสชิ ท่านได้กล่าวกับพระสารีบุตรว่า ธรรมอันใดเกิดแต่เหตุ ตถาคตกล่าวถึงเหตุและการดับ
และพระสารีบุตร แค่นำธรรมบทนี้ ไปบอกกล่าวกับเพื่อน คือพระโมคลานะ พระโมคลานะ ก็บรรลุพระโสดาบันได้เช่นกั
แค่เพื่อนมาบอกกล่าวกับเพื่
ท่านไม่ได้ ไปนั่งสมาธิ ไม่ได้ไปเดินจงกลม ไม่ได้ไปพิจารณาให้เกิดญาณ ทั้ง 16 ขั้น ไม่ต้องอดข้าว ไม่ต้องฝึกปฏิบัติอะไร อย่างนั้นอย่างนี้ ตามที่ชาวพุทธเราสมัยนี้ ทึกทักกัน ซักกะหน่อย แต่ท่านก็บรรลุ
ฉะนั้น…การบรรลุธรรม ในความเป็นอริยชนเบื้องต้น ไม่ใช่เป็นสิ่งยากเย็นอะไรเ
จิตที่เข้าไปสู่ความเป็นโคต
การเป็นอริยชน เมื่อได้ฟังธรรม เกิดมีปัญญาเห็นจริง จากการพิจารณาธรรมที่ได้ผัส
ใจมันจิกและปักลงไป โดยไม่โยกคลอน และมันจะถอดถอน ความยึดมั่นที่หลงยึดในบางป
เรียกง่ายๆ ว่า ใจมันเห็นทางว่า มันเป็นของมันเช่นนี้ จริงๆ ตรงนี้ เรียกว่า มันคลายอุปาทานแห่งรูปทั้งห
แต่ทุกอย่างที่แจ้ง มันไปลงตรงที่ว่า มันเป็นของมันเช่นนี้เอง แท้จริง มันเป็นของมันเช่นนี้เอง
นี่..ท่านกล่าวว่า เป็นผู้คลายความสงสัย เป็นผู้ที่ไม่หลงงมงาย ที่ได้แต่ลูบคลำอีกต่อไป มันชัดแจ้ง ไม่สงสัย ในสิ่งที่ใจมันเข้าถึง
ซึ่งมูลเหตุแห่งการเข้าถึงใ
แต่สิ่งที่เป็นเหมือนกันก็ค
พระโสดาบัน คือชาวบ้านที่ใจเป็นอริยชน คือมีใจที่เข้าใจอะไรได้สูง
เป็นผู้มีสติ อันเป็นที่ตั้งแห่งใจ เป็นผู้เข้าใจเหตุ เข้าใจผล ผู้ที่เข้าใจเหตุเข้าใจผล ตามกำลังแห่งภูมิปัญญาตน นี่เรียกว่า เป็นผู้ที่เข้าถึงความเป็น อริยสัจ
รู้และพิจารณาได้ว่า เพราะสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี เพราะสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้จึงไม่มี เพราะสิ่งนี่ดับ สิ่งนี้จึงดับ นี่…มันเข้าใจตามหลักเหตุ
บาลีเรียกว่า กฏอิธทัปปัจจยตา เป็นกฏหลักแห่ง ความเป็นเหตุและเป็นผล ผู้ที่ใจเข้าถึงความเป็นอริ
คือเป็นคน พูดรู้เรื่อง ไม่งมงายไปตามแนวแห่งความคิ
นี่..เป็นผู้ที่ใจมันละแล้ว
นี่ เรียกว่า สักกายทิฏฐิ หลงในความยึดมั่นแห่งตน หากผัสสะกับสิ่งที่ไม่ตรงกั
ยึดมั่นในสิ่งต่างๆ ด้วยความไม่รู้ ถึงรู้ก็รู้แบบลูบๆคลำๆ ไม่สว่างแจ้งโล่งด้วยใจที่ม
นี่..เป็นเครื่องร้อยรัด ให้ใจเป็นปุถุชน หรือชาวบ้านทั่วๆ ไป ไม่สามารถเป็นใจ อริยชน หรือชาวบ้านชั้นดีไปได้
ผู้ที่รู้อยู่เช่นนี้ จะเป็นใจ ที่มีความละอายชั่วกลัวบาป มันเป็นสติที่ระลึกถึงเขาแล
ผู้ที่เข้าถึงความรู้เห็นเช
เป็นเพียงแต่ท่าน ที่ประคองใจ ด้วยสติ ระลึกถึงความละอายชั่วกลัวบ
แต่หากรู้แล้ว ประจักษ์แล้ว ใจประคองความดีนี้ ที่ได้ประจักษ์ใจไม่ได้ นี่…หวลกลับไปสู่ความหลง ที่ยึดมั่นและงมมงาย
ท่านเหล่านี้ ยังเป็นใจที่ไม่ก้าวเข้าไป เป็นอริยชน แม้จะรู้แค่ไหน ก็ยังเป็นใจปุถุชน ที่พ่ายแพ้ เรียกว่าเป็นใจที่เป็น ปาราชิค
ผู้ที่ไม่ปาราชิค คือผู้ที่มีใจ ตั้งมั่น ประคองตามกำลังแห่งภูมิปัญญ
พระโสดาบัน เป็นใจที่ประคองไว้ได้ โดยไม่หลงไหลตกลงไปในความชั
ฉะนั้น…ทุกคนที่พบพระพุทธ
เรา..พึงยอมรับมัน เมื่อได้รับการแก้ไข และวินิจฉัยถึงที่สุด ความเป็นพระโสดาบัน ง่ายๆ แค่นี้ ทุกๆ คนเป็นกันได้ ไม่เป็นการยากเย็น
แต่หากมีปัญญา มากไปกว่านี้ ก็จะเกิดปัญญาสอดส่องลงไปถึ
เพียงแต่เรา ต้องเริ่มมีปัญญามีดวงตาเห็
เรา..ประคองใจให้ได้ ดั่งที่ท่านได้ประกาศไว้ใน ปาฏิโมกข์ศีลว่า เราจะไม่ทำชั่ว ทำแต่ความดี และจักรักษาความดีนี้ ให้เจริญยิ่งๆ ขึ้นไป
พระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ ทรงตรัสเช่นนี้ เพราะนี่คือ…หัวใจของพุทธ
เมื่อท่านทนไม่ไหว จึงได้อัญเชิญพระพุทธองค์มา
ตรงนี้ ย่อมแสดงว่า แม้แต่ความเป็นพระอรหันต์ ท่านก็ยังต้องประคองใจ ไม่ให้ตกไปจากความดี จนกว่ากายเจ้าของจะแตกตายไป
พระพุทธองค์เจ้า จึงทรงตรัสเตือนสติ ด้วยคำแห่ง อนัตตา เพราะพระอัสสชิบรรลุถึงความ
เป็นธรรมบทที่สอง ที่พระพุทธองค์ ทรงรสจนาต่อจาก ธรรมจักร์ฯ ที่ได้ประกาศเป็นปฐมเทศนา เมื่อได้สติ ธรรมแห่งวิวัชจยะ ก็เกิดการสอดส่อง
ใจก็เกิดปิติธรรม ระลึกถึงความเพียรที่ได้ประ
เมื่อความสงบใจเกิด สมาธิก็เกิด
เมื่อสมาธิเกิด อุเบกขาก็เกิด
เมื่ออุเบกขาเกิด ความยึดมั่นในธรรมทั้งหลาย ที่มีที่เป็น ก็จางคลาย
นี่..เป็นองค์แห่งการตรัสรู
พระอัสสชิ เข้าสู่นิพพาน ด้วยอาการแห่งสติ ที่เรียกว่า โพชฌงค์ คือเข้าใจในกระบวนการแห่งธร
ท่านเข้าใจธรรมตรงตามความเป
ที่สุด ท่านนิพพานไป ด้วยใจที่วางอุเบกขา ถึงแม้ว่า ท้องจะเจ็บปวดด้วยเวทนาอันแ
เช้านี้ ขอโมทนาบุญกับทุกท่าน ที่ได้มาร่วมฟังธรรมสดๆ แห่งมุตโตทัย
เช้านี้ ขอความสุขสวัสดีมีชัย พึงบังเกิดแก่ใจในทุกๆท่าน ขอสวัสดี..!!
พระธรรมเทศนา จากบทธรรม เรื่อง แนวแห่งปฏิจสมุปบาท… ณ วันที่ 16 เมษายน 2557 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง